วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ "วิธีรับมือกับตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ"

บิสมิลละฮ์ ฮิรเราะห์มาน นิรรอฮีม


ชื่อหนังสือ 

"วิธีรับมือกับตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ"          

ผู้เขียน Marco von Munchhausen
ผู้แปล ทสมา วรรธนะภูติ
สำนักพิมพ์ วีเลิร์น (We Learn)  


หลังจากรีวิวหนังสือเล่มแรกเสร็จเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558 ข้าพเจ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะรีวิวหนังสือเล่มที่สองให้เร็วที่สุด กำหนดเวลาไว้น่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังจากลงรีวิวเล่มแรก เพราะเป็นหนังสือที่อ่านค้างไว้คงจะใช้เวลาไม่นาน จนแล้วจนรอดล่วงผ่านมาถึงวันนี้ก็ร่วม 2 เดือนกว่าจะอ่านจบดี ทั้งที่หากตั้งใจอ่านจริงวันละนิดซัก 10 หน้า ก็น่าจะไม่เกิน 2 สัปดาห์อย่างที่ตั้งใจไว้ แล้วร่วม 2 เดือนมานี้ความตั้งใจมันหายไปไหน ออกเดินทางไปเที่ยวท่องที่แห่งใด หรือมันจะโดนเขมือบเสียแล้ว ข้าพเจ้าจึงภูมิใจเสนอหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างมาก "วิธีรับมือกับตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ"



คนเรามีความตั้งใจมากมายในชีวิต ความตั้งใจรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี หรือแม้แต่ราย 5 ปี แต่ความตั้งใจที่ลงมือทำจริงๆ หรือหากแม้ลงมือทำแล้วสามารถไปตลอดรอดฝั่งได้ คงมีให้นับไม่เกิน 10 นิ้วมือ หนังสือเล่มที่กำลังจะนำเสนอคงมีคำตอบให้เราๆ ท่านๆ ไม่มากก็น้อย ทำไมความตั้งใจอันดีงามของเราถึงได้ล้มพับไม่เป็นท่า อยู่เรื่อย ความตั้งใจมันหายไปไหน และจะทำอย่างไรให้มันยืนตระหง่านเป็นความภาคภูมิใจในวันที่ทำสำเร็จ อย่าได้รอช้า ตามผมมาเลย



เนื้อหาในมุมมองกว้าง (Scope) ในหนังสือเล่มนี้จะว่าไป อาจจะไม่ต่างจากหนังสือที่รีวิวไปก่อนหน้า "สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยนิสัยแค่ 1%" เพราะเป้าประสงค์ต่างก็โฟกัสไปที่วิธีการที่จะบรรลุความตั้งใจและสร้างนิสัยดีๆ ให้อยู่ติดตัวเราไปตลอด ผู้เขียนได้สร้างความตั้งใจของมนุษย์ให้มีตัวตน และมีตัวร้ายจ้องที่จะเขมือบความตั้งใจอยู่ตลอดเวลา ด้วยกลอุบายอันแยบยลและล้ำลึกเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรู้ทันตัวร้ายตัวนั้นให้ได้ 



กลอุบายที่ตัวเขมือบหามาให้เป็นข้ออ้างในการไม่ลงมือทำอย่างที่ตั้งใจมีมากมาย จากหนึ่งไปสู่อีกหนึ่งและต่อไปอีกหนึ่งไม่จบไม่สิ้น แต่ทั้งหมดของอุบายหรือข้ออ้างล้วนมีความหมายแฝงซ่อนอยู่เสมอ เช่น "ไม่อยากทำ" หรือ "ไม่กล้าทำ" ทั้งสิ้นทั้งปวงคือการรู้เท่าทันจิตเรานั่นเอง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเขมือบความตั้งใจ
1.เราไม่มีวันหนีตัวเขมือบความตั้งใจได้พ้น
2.เราไม่สามารถขังตัวเขมือบความตั้งใจไว้ได้ตลอด
3.เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเขมือบความตั้งใจ

ตัวอย่างประโยคดีๆ จากหนังสือ
"เราชอบพูดถึงความตั้งใจอย่างลอยๆ (ฉันต้องดีกว่าวันนี้ แล้วมันคืออะไร) โดยไม่ผูกมัดตัวเอง เพราะเราไม่ได้อยากจะทำจริงๆ" "ถ้าเราไม่ผูกมัดตัวเอง นั่นหมายความว่าเราได้ตั้งโปรแกรมตัวเองไปแล้วว่าจะไม่ทำสิ่งนั้น" 

"เมื่อเป็นเรื่องของการตัดสินใจที่เกี่ยวกับการทำความตั้งใจให้กลายเป็นจริง...ถ้าไม่มีการวางแผนและกำหนดเส้นตาย นั่นเท่ากับว่าคุณปล่อยให้ความตั้งใจนั้นเป็นไปตามยถากรรม และมันจะมีโอกาสกลายเป็นจริงน้อยมาก"

"...สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแค่ลงมือทำ ต่อให้ยังไม่มีอารมณ์ แต่ถ้าได้ลงมือและจดจ่ออยู่กับมัน เดี๋ยวอารมณ์ก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง"

"กุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคือ เราต้องพยายามทำสิ่งนั้นให้ได้นานที่สุดหรือจนกว่าจะเป็นนิสัย" 

"สิ่งที่มองไม่เห็น (สาเหตุของปัญหา) จะควบคุมชีวิตเราจนกว่าเราจะมองเห็นมัน เพราะเราจะลงมือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่ได้ก็ต่อเมื่อเรารู้ตัวกำลังทำอะไร"

5 กลยุทธ์เพื่อพิชิตตัวเขมือบความตั้งใจ
  • ตัดสินใจอย่างแน่ชัด
  • วางแผนสู่เป้าหมายให้ชัดเจน -ลมแบบไหนก็ไม่ใช่ทั้งนั้นสำหรับเรือที่ไม่รู้จะไปจอดที่ท่าไหน- เป้าหมายควรจะเป็นไปได้จริง ใช้คำเชิงบวก วัดผลได้ กำหนดเส้นตาย ภาพเป้าหมายชัดเจน
  • ลงมือทำ -ทำได้ดี 80% ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย 100%
  • ติดตามผล จะได้รู้ว่ามาไกลแค่ไหนและมีกำลังใจเมื่อได้เห็นว่าผ่านมากี่ขั้นแล้ว
  • ให้รางวัลกับตัวเอง 

ขอขอบคุณ
Salindongbayu

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ 'the Power of Habit'

บิสมิลละฮ์ ฮิรเราะห์มาน นิรรอฮีม


ชื่อหนังสือ 

"สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยนิสัยแค่ 1%"                  'The Power of Habit'

ผู้เขียน Charles Duhigg
ผู้แปล พรเลิศ อิฐฐ์, วิโรจน์ ภัทรทีปกร

 


แรกทีเดียวที่เห็นชื่อหนังสือ "สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยนิสัยแค่ 1%" สายตาของผมก็ละไปทางอื่นเสียแล้ว คงจะละม้ายคล้ายคลึงกับเพื่อนร่วมชาติบางคน ที่ไม่ค่อยจะสนใจชื่อหนังสือชวนขายไอเดียซักเท่าไหร่ ในขณะที่กำลังเบือนหน้าหนีนั้นสายตาก็ยังอุตส่าห์เหลือบเห็นชื่อภาษาอังกฤษ 'The Power of Habit' (พลังอำนาจของนิสัย) ประโยคบอกเล่าภาษาอังกฤษกลับให้อีกอารมณ์หนึ่งแก่คนอ่านหนังสืออย่างผม มันคือข้อเท็จจริงของชีวิตที่ว่านิสัยที่ติดตัวมีอิทธิพลเหนือตัวเรามากมายนัก มันเป็นประโยคบอกเล่าที่ไม่ได้พยายามเชิญชวนให้เราคล้อยตามด้วยตัวเลข 1% ผมสนใจ 'The Power of Habit' เพราะมันสอดคล้องกับชีวิตจริง จึงได้หยิบขึ้นมาอ่านและซื้อหิ้วกลับบ้านในที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจการพัฒนาตนเองและกำลังอยากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่สร้างประโยชน์บางอย่าง หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มากทีเดียวหากนำไปปฏิบัติจริง หนังสืออ้างอิงหลักจิตวิทยาและงานวิจัยมากมายเพื่อบอกแก่เราว่านิสัยเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไม และเราจะปรับเปลี่ยนวิถีของนิสัยนั้นๆ ให้เห็นผลได้อย่างไร 

นิสัยเกิดขึ้นได้เพราะสมองพยายามมองหาเครื่องทุ่นแรงอยู่ตลอดเวลา นิสัยคือการทำกิจกรรมใดๆ โดยไม่ต้องใช้ความคิด งานใดที่ว่ายากเมื่อทำเป็นนิสัยมันก็จะง่ายดายขึ้นมา เพราะเราทำมันโดยไม่ต้องใช้ความคิด สมองก็เบาแรงลงไปด้วย ลองคิดถึงงานหรือกิจกรรมยากๆ ที่เราทำมันจนเป็นนิสัยไปแล้ว จะพบว่านิสัยนี่เป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพและมหัศจรรย์จริงๆ 

ตัวอย่างประโยคดีๆ จากหนังสือ
"ความโหยหาคือสิ่งที่ผลักดันให้เกิดนิสัย หากเราค้นพบวิธีดีๆ ในการสร้างความโหยหา เราก็สามารถสร้างนิสัยใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น"

"นิสัยทำให้สมองไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากนัก มันจะทำงานน้อยลงแล้วพุ่งเป้าไปที่เรื่องอื่นแทน ดังนั้น ถ้าคุณไม่พยายามต่อสู้กับนิสัย หรือหากิจกรรมใหม่ๆ มาแทนที่ นิสัยแย่ๆ อันเดิมก็ปรากฏอีกครั้ง
 

"ชัยชนะเล็กๆ (เหนือนิสัยที่เราอยากเปลี่ยนแปลง) นั้นมีอิทธิพลมหาศาล แม้ว่าจริงๆ แล้วมันดูไม่ยิ่งใหญ่นักก็ตาม" 


"เมื่อกล้ามเนื้อพลังใจ (ในการเปลี่ยนนิสัย) ของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น นิสัยดีๆ ก็จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของชีวิต"


"ถ้าคุณเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แล้วทำมันให้เป็นนิสัย ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นจริง นั่นคือพลังที่แท้จริงของนิสัย ประเด็นอยู่ที่คุณเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เมื่อคุณเลือกและทำมันให้เป็นอัตโนมัติแล้ว ความเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย" 


สรุปแนวทางเปลี่ยนแปลงนิสัย
1. ระบุกิจวัตรที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
2. ทดสอบรางวัลแบบต่างๆ ความโหยหาใดที่ผลักดันพฤติกรรมบางอย่างของเรา การทดสอบอาจจะใช้เวลาเป็นวัน หรือหลายสัปดาห์ แต่เราต้องหาให้เจอ
3. มองหาสิ่งกระตุ้น ตัวอย่างเช่น ที่เราต้องกินอาหารเช้าเวลาเดิมๆ ทุกวันเป็นเพราะเราหิวจริงๆ หรือเพราะนาฬิกาบอกเวลา 7.30 กันแน่  เพราะนั่นเป็นเวลาทานอาหารของลูกๆ หรือเป็นเวลาที่เราแต่งตัวเสร็จกันแน่
4. ร่างแผนการ โดยการแทรกกิจวัตรอันใหม่ที่ตอบสนองความโหยหาอันเดิม

ถ้ายังไงก็ลองหาอ่านกันดูครับ
Salindongbayu