วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

รีวิวหนังสือ "The EQ Factor | Genius ทางอารมณ์"

บิสมิลละฮ์ ฮิรเราะห์มาน นิรรอฮีม


ชื่อหนังสือ 

"The EQ Factor|Genius ทางอารมณ์          

ผู้เขียน แครธริน ทรงพัฒนะโยธิน

เคยถามตัวเองไหมว่าจะหยุดอารมณ์เศร้าที่ประสบอยู่ได้อย่างไร หรือการพยายามบอกตัวเองว่า ห้ามโกรธ อย่าโกรธ ใจเย็นไว้ๆ ขณะที่มีปัญหากับใครบางคน เหล่านี้คือการพยายามต่อสู้และเรียนรู้อารมณ์ของเราในชีวิตประจำวัน อารมณ์เป็นได้ทั้งศัตรูตัวฉกาจและมิตรแท้อันประเสริฐ อารมณ์สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้ทั้งตนเองและเพื่อนร่วมโลกและก็เป็นอารมณ์อีกนั่นแหละที่ให้ความสุขเราล้นเหลือประมาณ ใครที่รู้จักบริหารจัดการอารมณ์จึงเป็นผู้ที่ความสามารถมากถึงมากที่สุด และได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ "...สิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของมนุษย์ก็คือ อารมณ์ นั่นเอง" 

ผู้เขียนยังระบุว่า "ไม่น่าเชื่อเลยว่าความเข้าใจที่มีต่อสิ่งเพียงสิ่งเดียว (อารมณ์) จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมากมาย ตั้งแต่การสมัครงานไปจนถึงการทำธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและอบอุ่นกับเพื่อนและครอบครัว" ความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์นี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากจะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เหล่านั้นให้ผู้อื่นต่อไป

หนังสือ "Genius ทางอารมณ์" เป็นหนังสือจิตวิทยาอ่านง่าย เคี้ยวง่าย เคี้ยวเพลิน และอ่านได้เร็วอย่างที่ผู้เขียนตั้งใจไว้จริงๆ เนื้อหาที่ไม่ได้อัดแน่นจนเกินไปแต่ก็เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะรู้จักตัวเองและเพื่อนมนุษย์รอบๆ ตัว หนังสือถูกออกแบบให้มีสองส่วนซึ่งก็คือใจความหลักที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอการเป็นคนมีความฉลาดทางอารมณ์ นั่นคือการรู้จักผู้อื่น (เช่น การสานสัมพันธ์ การวางตัว การประเมินผล) และการรู้จักตัวเอง (เช่น ต้นทุนทางอารมณ์ ความไวต่อสิ่งเร้า จุดพอดีของตัวเอง)  หากสามารถผสานและปรับใช้สองส่วนนี้ได้อย่างลงตัวเราก็จะสามารถมีความสุขในแบบฉบับที่เราต้องการได้ 

ประโยคดีๆ จากหนังสือ
...มนุษย์ต่างก็เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการจินตนาการและจดจ่ออยู่กับอารมณ์เชิงลบตลอดเวลา...นี่เป็นกลไกตามธรรมชาติของสมองที่มีเป้าหมายในการเป็นพี่เลี้ยงดูแลความปลอดภัยให้กับเราโดยจะคอยสอดส่องสิ่งที่จะเป็นอันตรายกับเราแม้ในสถานการณ์ปกติ

สัญชาติญานเบื้องลึกของมนุษย์ที่ทำให้ชอบคนที่มีเป้าหมาย นั่นเพราะสมองมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ไม่ชอบความ "ไม่แน่นอน" 

การบริหารการติดต่อทางอารมณ์ (คือการส่งต่อมวลอารมณ์ที่เราปราถนาให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา) 

เด็กที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เกิดมาเป็นผ้าขาว แต่ไม่ได้ขาวโทนเดียวกัน เด็กแต่ละคนเกิดมาขาวคนละเฉด เป็นความแตกต่างในตัวทางพันธุกรรม (ต้นทุนทางอารมณ์) 


เราต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับตัวเอง คอยสังเกตอุปนิสัยของตัวเองและขวนขวายที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายและจิตใจของตัวเองให้มากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกหล่อหลอมขึ้นมาอย่างเป็นเอกลักษณ์

ประโยชน์ของการเข้าใจตัวเองเป็นอย่างดีคือ เราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเรา เพราะเราเองมีความเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น เราสามารถอธิบายได้ถึงเหตุผลของความเศร้าและความสุขของเรา...สามารถแก้ปัญหาและวางเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวตนของเรา...

การหา "Sweet Spot" ของชีวิต...นิยามความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน เราจะไม่ปล่อยให้วิถีชีวิตคนอื่นมาสร้างถนนที่ยาวขึ้นให้กับตัวเรา คนฉลาดใช้ชีวิตจะรู้จักประเมินผล ยืดหยุ่นและปรับ "จุดที่พอดี" ของชีวิตตัวเอง บางคนปรับจุดพอดีให้ไกลขึ้นเมื่อเข้าใจถึงศักยภาพของตัวเอง บางคนก็ปรับจุดพอดีนั้นให้ใกล้ขึ้นหากเขาพบว่าความสำเร็จนั้นสมบูรณ์ที่สุดแล้วสำหรับเขา

การฝึกซ้อมใดๆ ก็ตามที่สมองไม่ได้รับอิสระให้เพ่งสมาธิไปถึงจุดที่เรายังทำได้ไม่ดี ล้วนแต่เป็นการฝึกซ้อมให้เราทำในสิ่งเดิมๆ ที่เราทำได้ดีอยู่แล้วให้คล่องขึ้นเท่านั้นเอง


ขอขอบคุณ
salindongbayu